ลองของ...ลองขี่สปอร์ตตัวกลั่น CBR 150 ...4 จังหวะ ตัวท็อปค่าย ฮอนด้า ...???
แม็ก 6 ก้าน สวยบ้าเลือด! ถูกใจคนชอบรถสไตล์สปอร์ต ชำเลืองแล้วให้ความเป็น รถสปอร์ตได้อีกความรู้สึกหนึ่ง แต่ติงตรง...ท่อไอเสีย ที่ออกมาได้เชยสิ้นใจ!!!
กระแส...ความแรงของข่าว มอเตอร์ไซค์ ที่ถูกระบุว่าเป็นพาหนะที่ทำให้ก่ออุบัติเหตุมากเป็นอันดับต้นของสถิติบนชาร์ต ทำให้ผมฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับตำแหน่งแชมป์ที่ถูกยัดเยียดให้โดยที่ผู้รับไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ขอฝากไว้กับสาธุชน คนใช้ 2 ล้อ มอเตอร์ไซค์ ทั้งหลาย กับความระมัดระวัง! การป้องกัน และการรักษากติกาบนท้องถนนของพวกเรา เพราะมันจะเป็นผลถึงเรื่องความปลอดภัย และชีวิตของเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายด้วยครับ เป็นห่วงจริงๆ
ส่วนเรื่อง ROAD TEST ของข้ากระผมขอชี้แจงก่อนนะครับว่าท่วงท่า ลีลา บางจังหวะนั้น อาจจะดูยั่วยวน กวนอวัยวะบ้าง แต่ผมทำบนพื้นฐานความปลอดภัย ทั้งสถานที่ และชุดที่สวมใส โดยเฉพาะหมวกกันน็อกยิ่งแล้ว
ฉบับนี้ ROAD TEST ผมเอา สปอร์ต 150 ซี.ซี. ของค่าย ฮอนด้า มาลองของกันอีกที ตามคำแนะนำของท่านผู้อ่านกลุ่มอานเดี่ยว ที่ต้องการให้ว่ากันในมุมของ CBR 150 เพราะครั้งกระโน้นพลาดท่าไม่ได้อ่านความคิดเห็นใน นิตยสาร มอเตอร์ไซค์ ไป
สำหรับ CBR 150 เป็นรถแบบสปอร์ต ที่แกะเอา DNA ของรถสปอร์ตใหญ่ๆ ของค่ายปีกนกมาเกือบทุกจุด ตั้งแต่กระจกมองข้างที่ออกแบบมาค่อนข้างสปอร์ต แต่ในความรู้สึกของผู้เขียนแล้วคิดว่า หุ่นทรงของใบกระจกมันเชยไปสักนิด
หน้าปัด เรือนไมล์ ออกสปอร์ตเต็มพิกัด โดนใจคอสปอร์ตแบบเต็มๆ รวมทั้งตำแหน่งแฮนด์ และ พักเท้าคนขี่ ที่ออกแบบมาแบบเรซซิ่งสไตล์ แต่เพลียใจเหลือเกินกับการขับขี่เดินทางไกลๆ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่นิยมการหมอบลู่ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการล้าสะท้านใจได้ง่ายกว่ารถแบบอื่น
เบาะ 2 ระดับ ปรับตำแหน่งคนขี่ และคนซ้อน ให้แยกออกจากกัน เป็นแบบสปอร์ต 400 ซี.ซี. อะไรเทือกนั้น ตรงนี้ได้ความทันสมัย และได้ใจคอรถแบบสปอร์ตอีกจุดหนึ่ง
โคมไฟหน้า แบบรวมทั้งหมดไว้ในอันเดียวแบ่งข้าง ซ้าย ขวาให้น่ามอง ทั้งไฟหน้า ไฟเลี้ยว ถูกรวบไว้ในโคมไฟกระจกใสแต่เพียงที่เดียว แบบทรงสวยงาม ถูกใจวัยมันเป็นอย่างยิ่งในส่วนนี้ รวมถึง ไฟท้าย ที่เชิดงามในความใสสะอาดตา ประดับด้วยไฟท้ายแดง 2 ดวงคู่ ขนาบด้วยไฟเลี้ยว 2 ดวงซ้าย-ขวาทรงกลม เท่บาดใจคุณนายท่านผู้กองทีเดียว
ถังน้ำมัน เล่นทรงเว้าเข้าเข่า กระชับเวลาหนีบ หมอบแล้วลงตัว ได้ทรงรถพิกัด 150 ซี.ซี. ในแบบเครื่องยนต์ 4 จังหวะ เรียกว่าเป็นรถสนองความเสี้ยนของคอสปอร์ตที่ไม่อยากเอื้อมไปเล่นรถคลาส 400 ซี.ซี. เพราะกริ่งเกรงใจในเรื่องราคาอะไหล่ และการรอคอยอุปกรณ์
แม็ก 6 ก้าน สวยบ้าเลือด! ถูกใจคนชอบรถสไตล์สปอร์ต ชำเลืองแล้วให้ความเป็นรถสปอร์ตได้อีกความรู้สึกหนึ่ง แต่ติงตรง...ท่อไอเสีย ที่ออกมาได้เชยสิ้นใจ! ตรงนี้ไม่รู้ได้ว่าเป็นเพราะระดับมาตรฐานค่าไอเสียหรืออะไร??? ถึงทำให้ออกแบบทรงท่อไอเสียมาได้แบบนี้ สิ้นกลิ่นอายความก๋ากั่นไปอีกระดับดีกรีทีเดียว น่าเสียดาย
เมื่อได้ลองหวดคันเร่งเจ้า CBR 150 ดู ต้องบอกว่ารถคันที่ได้มานั้นค่อนข้างเปลี้ยไปนิดในเรื่องของเครื่องเครา ทั้งเสียงแปลกปลอมที่กังวานก้องอยู่แถวเครื่องยนต์ที่ทำให้ความมั่นใจลดลงไปในระดับหนึ่ง
เช็คความรู้สึกเมื่อขย่มบนอาน CBR 150 ต้องบอกได้ว่าชอบ ตำแหน่งท่านั่ง วางเท้า และจังหวะมุดหมอบ เจ้า CBR ให้ความกระชับมั่นได้อย่างสะใจ ต่างจากรถแบบกระโปรง หรือรถแบบสปอร์ตครอบครัวสิ้นเชิง มันได้ความรู้สึกคนละอย่างทีเดียว
รอบเครื่องมาเร็ว เกียร์ต่อเนื่องได้นุ่มนวล ความเร็วช่วงต้นสนุกกว่าขี่รถ ออโตเมติกมาก(ขี่แต่รถออโตเมติกมานาน) ทำให้การขับขี่มีรสชาติกว่าที่ได้ลองของรถหลายรุ่นที่ผ่านมา
กดเต็มๆ จนเข็มไมล์สะบัดไปที่ 140 กม./ชม. รู้ซึ้งถึงกำลังที่แหวกลมปะทะมาว่ายังเหลือในมือ ต่างจากรถแบบแฟมิลี่สปอร์ตชัดเจนในเรื่องของการทรงตัวลองขี่หลายแบบทั้งโค้ง ทั้งสลาลอม ทั้งจิมคาน่า ต้องบอกได้ว่า CBR 150 เป็นรถที่ค่อนข้างคุมยากกว่า ต้องใช้เทคนิค และความสามารถ เชี่ยวชาญในการคุมรถมากกว่ารถแบบครอบครัว หรือสปอร์ตครอบครัว การเลี้ยว วงเลี้ยว และการเหลือเผื่อเวลาเดินคันเร่งแรง!ในโค้ง หรือเวลาเลี้ยวต้องคุมจังหวะให้อยู่ เรียกว่าต้องขี่ให้เชื่องนั่นล่ะครับ
|
อาการเมื่อยล้าที่ข้อ และแขนมาเป็นลำดับ อันเนื่องมาจากผมเองไม่ค่อยได้ใช้งานรถแบบสปอร์ต เต็มรูปแบบอย่าง CBR 150 ในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการล้าที่ข้อมือ ส้นมือ และแขน แต่ถ้าทำความคุ้นเคย ลดอาการเกร็งลงไปในจังหวะคุมรถ น่าจะดีกว่าที่ขี่อยู่นี้แน่นอน
ระบบเบรก ที่แน่นหนึบ ทำให้เห็นอาการหน้าจมจนน่าใจหาย เมื่อเบรกครั้งแรก ในจังหวะที่ผมต้องการระยะเบรกที่สั้นที่สุด ได้ครับทั้งระยะเบรกที่สั้น กระชั้น และอาการล้อหลังลอย แต่โช้คอัพหน้าจมลึกๆ เล่นเอาใจหล่น...? จนผมต้องปรับเรื่องของการเบรกใหม่ ในขณะที่เฆี่ยนมาเต็มๆ แรง โดยใช้เบรกหลังมากกว่าที่ใช้อยู่อีกนิด กดเบรกหน้าประคองหน่อย ทำให้ระยะเบรกที่ได้ดีกว่าการขี่ในครั้งแรก
สนุกสนานกับการขับขี่เจ้า CBR 150 อยู่พักใหญ่ เรียกว่าคุ้นมือกำลังดี ก็หมดแรงเสียก่อน เลยต้องยอมละจาก เจ้าม้าป่า CBR 150 ลงมาหอบแฮกใหญ่! ก่อนที่จะตากหมวก ตากถุงมือ เป็นการจบทดลองกับเจ้า CBR 150 สปอร์ตตัวแรง! ของค่ายปีกนกรุ่นนี้ไว้ตรงนี้ ก่อนที่จะไม่มีแรงขย่มเจ้าสปอร์ตพันธุ์ดุกลับเข้าที่พักอีกเกือบ 20 กม.ข้างหน้า คงต้องบอกว่าแล้วพบกันใหม่ กับบททดสอบเข้มกันฉบับต่อไป จะเป็นรถตัวไหน ต้องติดตามกันในฉบับหน้าล่ะครับ สวัสดีแรง...แรงครับ
|